เซลล์บำบัด (cells therapy) เป็นเซลล์ที่มีความสามารถพิเศษในการฟื้นฟูและซ่อมแซมร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการรักษาโรคและการป้องกันความเสื่อมโทรมของร่างกาย โดยเฉพาะในกรณีที่อวัยวะภายในหรือเนื้อเยื่อเกิดความเสียหาย ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่สำคัญในด้านการแพทย์สมัยใหม่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ได้นำมาใช้เพื่อช่วยฟื้นฟูและป้องกันความเสื่อมของร่างกาย
เซลล์บำบัดคืออะไร?
เซลล์บำบัด (cells therapy) คือเซลล์ที่ยังไม่จำเพาะกับหน้าที่เฉพาะใด ๆ ในร่างกาย เมื่อร่างกายต้องการซ่อมแซมหรือฟื้นฟูส่วนใด เซลล์ชนิดนี้จะถูกกระตุ้นให้เปลี่ยนไปเป็นเซลล์จำเพาะที่ร่างกายต้องการ เช่น เซลล์ผิวหนัง เซลล์ประสาท เซลล์กระดูก หรือแม้แต่เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ โดยมีความสามารถในการแบ่งตัวและเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์เฉพาะได้อย่างหลากหลาย และเป็นไปได้ตลอดชีวิตของบุคคลนั้น

ลักษณะพิเศษ
มีลักษณะพิเศษที่สำคัญอยู่ 3 ประการ ได้แก่
ความสามารถในการแบ่งตัวได้เป็นเวลานาน: สามารถแบ่งตัวเองขึ้นมาใหม่ได้โดยไม่จำกัด เป็นเวลานาน ซึ่งทำให้สามารถใช้ในการฟื้นฟูและซ่อมแซมอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง
ไม่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง: ในขณะที่เซลล์ทั่วไปจะมีหน้าที่เฉพาะ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อทำหน้าที่หดตัว หรือเซลล์ประสาททำหน้าที่ส่งสัญญาณ เซลล์กลับไม่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจง จึงทำให้สามารถเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ใด ๆ ที่จำเป็นได้
สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์เฉพาะได้: เซลล์สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์จำเพาะตามความต้องการของร่างกาย ซึ่งทำให้มีศักยภาพในการรักษาโรคต่าง ๆ
ข้อดีของเซลล์จากสายสะดือและเลือดจากสายสะดือ
เซลล์ที่ได้มาจากสายสะดือและเลือดจากสายสะดือเป็นที่น่าสนใจอย่างมากในการรักษาโรค ด้วยเหตุผลหลายประการ
มีลักษณะทางพันธุกรรมเฉพาะกับตัวเด็กและครอบครัว: เซลล์เหล่านี้มีลักษณะทางพันธุกรรมที่สอดคล้องกับตัวเด็กและคนในครอบครัว ซึ่งทำให้โอกาสการเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อและอวัยวะอื่น ๆ สูงมาก
ยังไม่เคยติดเชื้อโรค: เนื่องจากเป็นเซลล์ที่ยังไม่เคยสัมผัสกับโรคมาก่อน จึงมีโอกาสติดเชื้อต่ำกว่าเซลล์ที่เก็บจากแหล่งอื่น
กระบวนการเก็บไม่เจ็บปวด: การเก็บเซลล์จากสายสะดือไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดต่อแม่และเด็ก
สามารถเก็บรักษาได้ด้วยการแช่แข็ง: เซลล์ที่เก็บไว้ด้วยวิธีการแช่แข็งสามารถรักษาคุณภาพได้ยาวนาน โดยไม่เสื่อมสภาพหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส
ประโยชน์ของเซลล์ในทางการแพทย์
เซลล์มีบทบาทสำคัญในวงการแพทย์ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคที่มีการทำลายเนื้อเยื่อหรืออวัยวะ ซึ่งสามารถฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพได้ โดยตัวอย่างของประโยชน์ที่ชัดเจนของเซลล์ ได้แก่
การทดแทนเซลล์ที่เสียหาย: เซลล์สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นเซลล์เฉพาะของอวัยวะต่าง ๆ เช่น เซลล์ผิวหนัง เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ หรือเซลล์ประสาท เพื่อซ่อมแซมความเสียหาย
ลดการอักเสบของร่างกาย: เซลล์สามารถหลั่งสาร Interleukin และ Cytokine ที่ช่วยยับยั้งการอักเสบของร่างกาย ทำให้สามารถชะลอความเสื่อมของอวัยวะที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังได้
การชะลอวัย: ในการแพทย์ด้านการชะลอวัย (Anti-Aging) เซลล์ถูกนำมาใช้ในการฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมทั่วร่างกาย เช่น ฉีดเพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิวหนัง ลดริ้วรอย กระชับผิว หรือฉีดเข้าข้อเข่าเพื่อลดการอักเสบและปวดจากความเสื่อม

เซลล์เหมาะกับใครบ้าง?
การใช้เซลล์ในการรักษาเหมาะกับผู้ป่วยในกลุ่มโรคต่าง ๆ เช่น:
โรคชราและความเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับวัย: รวมถึงการรักษาความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ
โรคข้อเสื่อมและไขข้ออักเสบ: เช่น โรครูมาตอยด์ หรือโรคข้อเข่าเสื่อม
โรคเบาหวาน: สเต็มเซลล์สามารถช่วยในกระบวนการฟื้นฟูตับอ่อนและช่วยให้ร่างกายสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น
โรคหัวใจและหลอดเลือด: การใช้สเต็มเซลล์สามารถช่วยในการสร้างเส้นเลือดใหม่และฟื้นฟูกล้ามเนื้อหัวใจ
โรคทางระบบประสาท: เช่น โรคพาร์คินสัน, อัลไซเมอร์, และโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต
โรคทางระบบประสาทในเด็ก: เช่น ออทิสติก, Rett Syndrome และ Cerebral Palsy
ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องและโรคอื่น ๆ: เช่น โรค Multiple Sclerosis หรือภาวะไตวาย
